15 กันยายน 2551

ประนาม บุคคลอันตรายสำหรับประชาธิปไตย:พัลลภ ปิ่นมณี





แม้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะได้เป็นทายาทรุ่นที่2หากแกนนำพันธมิตรชุดแรกถูกจับกุมตัว โดยตอนแรกมีข่าวว่าจะเป็นนายสำราญ รอดเพชร โฆษกเวทีพันธมิตร คนใกล้ชิดนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ล่าสุดพลตรีจำลอง ศรีเมือง เปิดตัวว่าจะเป็นเพื่อนรักของเขาคือพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งมีประวัติอื้อฉาวถูกกล่าวหาในหลายกรณีทั้งเหตุการณ์ก่อกบฎ1เมษายน2524,เหตุการณ์ลอบสังหารบุคคลสำคัญ รวมทั้งความพยายามลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระราชินี,เหตุการณ์ลอบสังหารอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร,เหตุการณ์สังหารหมู่มัสยิดกรือเซะห์ จนทำให้ไฟใต้ร้อนระอุมาจนถึงขณะนี้ และที่สำคัญการจุดชนวนเลือดในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

เราจึงต้องจัดให้พลเอกพัลลภเข้ามาอยู่ในทำเนียบประนามานุกรมบุคคลอันตรายสำหรับประชาธิปไตยไทย

*ชมคลิปวิดิโอพัลลภให้สัมภาษณ์สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นคนวางแผนจุดชนวนเลือดพฤษภาทมิฬhttp://video.mthai.com/player.php?id=6M1179828395M0


พัลลภ"รับไม้"จำลอง"ลั่นใช้แผนเผาเมืองเลียนแบบพฤษภาทมิฬ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนตาย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศจะขึ้นเวทีเพื่อขับไล่รัฐบาลและนายกฯ ออกจากตำแหน่ง หากพล.ต.จำลองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมขัง

"ผมจะพูดขึ้นเวทีก็ต่อเมื่อ พล.ต.จำลองถูกเจ้าหน้าที่จับกุม การขึ้นเวทีครั้งนี้ถือเป็นสัญญาใจที่ผมกับจำลองที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันมา ได้มีสัญญาอยู่ 2 ข้อ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อพล.ต.จำลองถูกจับกุม ผมก็จะเข้าไปแทน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น การปฏิบัติการ 3 วันก็จบ ซึ่ง 2 ข้อที่ผมได้สัญญาไว้กับพล.ต.จำลองคือ ถ้าวันใดที่จำลองโดนตำรวจจับผมจะเข้าไปแทนทันที และที่ พล.ต.จำลอง ใช้ยุทธวิธีสันติวิธีแบบอหิงสา ซึ่งมันไม่ตรงกับผม แต่ผมจะใช้ยุทธวิธีปฏิบัติการรุก ซึ่งผมได้ตกลงกับจำลองมาตั้งนานแล้ว" พล.อ.พัลลภ กล่าว

พล.อ.พัลลภ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับพล.ต.จำลองก็ถือว่าเข้าข่ายข้อหนึ่งที่ตนได้ตกลงไว้ การไปเข้าร่วมครั้งนี้ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย และเป็นเรื่องปกติธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ตนไม่ได้มาเพิ่งตัดสินใจที่จะขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แต่ได้ตัดสินใจมานานแล้วตามที่ได้ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตามการที่ขึ้นเวทีครั้งนี้ก็ไม่ได้กลัวต่อภาพลักษณ์ที่ผ่านมา หากพล.ต.จำลองถูกจับสถานการณ์คงวุ่นวายแน่ เพราะคำพูดของตนชัดเจนอยู่แล้ว สำหรับยุทธวิธี ตนจะใช้วิธีรุก คงจะไม่ใช้วิธีตั้งรับเหมือนกับพล.ต.จำลอง

ถามว่า รัฐบาลและนายกฯควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ใช่ และตนมีวิธีที่จะให้รัฐบาลและนายกฯลาออก แต่ตนคงบอกไม่ได้ ซึ่งคาดว่าจะปฏิบัติการเพียง 3 วัน รัฐบาลก็ต้องลาออกยกชุดแล้ว เพราะยุทธวิธีรุกไม่เหมือนยุทธวิธีรับของพล.ต.จำลอง

"วันใดที่พล.ต.จำลองถูกจับเข้าคุก ผมจะขึ้นเวทีเพื่อประกาศชัยชนะให้กับพันธมิตรฯทันที"พล.อ.พัลลภกล่าว

ย้อนรอยกรรมชั่วจุดชนวนเลือดพฤษภาทมิฬ
พล.อ.พัลลภให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ด้วยความภาคภูมิใจมาตลอดว่า ในคราวเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ในปี 2535นั้นเขามีส่วนทำให้พล.ต.จำลองประสบชัยชนะ โดยเขาได้พูดกับจำลองว่าต้องเดินแผนให้รัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร ในขณะนั้นใช้กำลังจับกุมจำลอง "พอจับจำลองปุ๊บ ผมก็พูดเลยว่าเราชนะแล้ว"

พล.อ.พัลลภเผยว่า ได้วางแผนให้หน่วยย่อยที่ฝึกมาอย่างดีในการต่อต้านรัฐบาลพล.อ.สุจินดา โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา ในการช่วยทำระเบิดขวดที่บรรจุน้ำมันเพื่อนำไปปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนางเลิ้ง จนเป็นเหตุให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย จนพล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องหันมาใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม จนประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

เป็นที่น่าสังเกตว่าในคราวนี้พล.อ.พัลลภก็พูดเป็นนัยว่าอยากให้มีการจับพล.ต.จำลอง แล้วเขาก็จะประกาศชัยชนะ และรุกฆาตรัฐบาลภายใน 3 วัน

ส่วนชัยชนะครั้งนี้จะปูลาดไปด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกครั้งหรือไม่ หรือใครจะมาหยุดแผนชั่วของพัลลภลงก่อน นั่นเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดู

ก่อกบฎเมษาฮาวาย-เหิมเกริมพยายามลอบปลงพระชนม์ราชินี
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี มีตำแหน่งสุดท้ายทางราชการ เป็นรองผู้อำนวยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7 (จปร.7) เคยร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิต พ.อ.มนูญ รูปขจร ยศในขณะนั้น ทำการปฏิวัติ “เมษาฮาวาย”โค่นอำนาจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2524 มาแล้ว แต่ล้มเหลว กลายเป็นกบฎ

พล.อ.พัลลภกับพวกแค้นพล.อ.เปรม,พล.อ.อาทิตย์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยกล่าวหาอย่างไม่มีมูลแม้แต่น้อยว่าพระองค์ท่านมีส่วนสำคัญให้พวกตนพ่ายแพ้กลายเป็นกบฎ ดังนั้นถัดมาอีก 1 ปี กลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับยังเติร์ก ได้แก่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบก จึงประสบเหตุการณ์ 'ลอบสังหาร' เป็นระลอกๆ และไม่เพียงเฉพาะบุคคลทั้งสอง หากยังมีรายงานของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ได้มีการตระเตรียมการที่จะลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกด้วย รายละเอียดมีดังต่อไปนี้

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6-7 มีนาคม 2525 กลุ่มยังเติร์ก ลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ในงานยกช่อฟ้า วัดจิระ อ.เมือง จ.ลพบุรี แต่ไม่สำเร็จ

ครั้งที่ 2 วันที่ 8-25 มีนาคม 2525 กลุ่มยังเติร์กกับพวก วางแผนลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ ขณะเดินทางไปเยี่ยมท่าน ผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก ซึ่งป่วยและรักษาอยู่ใน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่ล้มเหลวอีกครั้ง

ครั้งที่ 3 วันที่ 5 พฤษภาคม 2525 กลุ่มทหารยังเติร์กกับพวก ใช้รถบรรทุกระเบิดไปจอดที่หน้าโรงเรียนพณิชยการสันติราษฎร์ในเส้นที่ทาง พล.อ.อาทิตย์เดินทางผ่าน ไปทำงาน เพื่อลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ โดยใช้คลื่นวิทยุบังคับจุดระเบิด แต่รถได้เกิดระเบิดขึ้นก่อนที่ พล.อ.อาทิตย์จะผ่านไป

ครั้งที่ 4 วันที่ 3 มิถุนายน 2525 กลุ่มนายทหารยังเติร์กกับพวก ได้วางแผนลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ ขณะไปทอดกฐินที่วัดแก้วนิมิตร อ.เมือง จ.ลพบุรี แต่ไม่สำเร็จ

ครั้งที่ 5 วันที่ 14-16 กรกฎาคม 2525 กลุ่มทหารยังเติร์กกับพวก วางแผนลอบสังหาร พล.อ.เปรม ขณะเดินทางไปเป็นประธานเปิดอนุสาวรีย์จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อ.เมือง จ.ลพบุรี แต่กระสุนจรวด 66 เอ็ม -72 พลาดเป้าหมายไปเพียงเล็กน้อย

ครั้งที่ 6 วันที่ 1 ตุลาคม 2525 กลุ่มยังเติร์ก ตระเตรียมการที่จะลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลควีนสคัพ ที่สนาม กีฬาแห่งชาติ

ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2525 กลุ่มยังเติร์กและพวก วางแผนลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ ขณะเดินทางไปทอดกฐินที่วัดหน้าพระเมรุ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ไม่สำเร็จ

ครั้งที่ 8 วันที่ 20 ตุลาคม 2525 กลุ่มยังเติร์กได้วางแผนลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ พล.อ.เปรม และตระเตรียมการลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพิธีปิดการแข่งขันฟุตบอลควีนสคัพ ที่สนามกีฬาแห่งชาติ กทม.

ครั้งที่ 9 วันที่ 31 ตุลาคม 2525 กลุ่มยังเติร์ก ลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ ซึ่งจะเดินทางไปทอดกฐินที่วัดศรีสุทธาวาส อ.เมืองเลย แต่ไม่สำเร็จ

ในวันที่ 14 กันยายน 2527 มีการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีลอบสังหาร จำนวน 43 คน รวมทั้งแกนนำกลุ่มยังเติร์ก ด้วย เช่น คือ พ.อ.มนูญ รูปขจร และพ.อ.บุลศักดิ์ โพธิ์เจริญ พ.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร (ยศในขณะนั้น)

กระทั่งวันที่ 30 ธันวาคม 2536 คดีประวัติศาสตร์”วันลอบสังหาร” ก็สิ้นสุดลง เมื่อศาลอาญายกฟ้องโดยศาลวินิจฉัยว่าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าเพราะมีการประนีประนอมกันระหว่างฝ่ายยังเติร์ก กับฝ่ายพล.อ.เปรมได้แล้ว

สังหารหมู่มัสยิดกรือเซะห์ส่งผลไฟใต้โหมกระพือ

ในยุครัฐบาลทักษิณ เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ลุกลามบานปลายกลายเป็นเรื่องน่าวิตกของคนในชาติ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ก็มีส่วนทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อครั้งนายทหารผู้นี้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รองผอ.กอ.สสส.จชต.) ในปี 2547 ได้เข้าปราบปรามผู้ก่อเหตุที่บุกยึดมัสกรือเซะห์ โดยครั้งนั้น พล.อ.พัลลภ ได้สั่งให้กองกำลังทหารเข้าใช้กำลังด้วยการสังหารหมู่กลุ่มบุคคลที่อยู่ในมัสยิดกรือเซะห์ทั้งหมด ทั้งที่หลายฝ่ายพยายามท้วงติงให้ใช้วิธีการเจรจาเป็นทางออก

จนเป็นเหตุให้ไฟใต้ขยายวงออกไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จับคนขับรถพัลลภพัวพันลอบสังหารทักษิณ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นราว 09.00 น.ของวันที่ 24 ส.ค.2549 คือความพยายามลอบสังหารด้วย"คาร์บอมบ์"ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในเบื้องต้นมีการจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชนะ ผู้ขับรถคาร์บอมบ์คันดังกล่าว(คนๆนี้เคยเป็นทหารชั้นประทวน เป็นคนขับรถของพัลลภ ต่อมาพัลลภสนับสนุนให้เป็นทหารชั้นสัญญาบัตร จึงยินดีมอบกายถวายชีวิตตอบแทนนายเต็มที่) ต่อมามีการจับกุมนายทหารในกอ.รมน.ใต้สังกัดของพัลลภไปหลายราย แต่มีเพียงจ่ายักษ์อยู่คนเดียวที่ให้การรับสารภาพหมดไส้หมดพุงซัดทอดนายทหารอีก 4 คนว่า เป็นผู้ร่วมขบวนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ และหากสังหารไม่สำเร็จจะทำปฏิวัติ

ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น เพราะหลังเหตุการณ์คาร์บอมบ์ไม่ทันถึงเดือน ก็มีการทำรัฐประหาร 19 กันยายน2549

ทั้งหมดนี้คือพฤติการณ์ชั่วที่พัลลภ เพื่อนรักของจำลองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพัน หรือถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้อง เป็นพล.อ.พัลลภที่กำลังจะขึ้นมาเป็นผู้นำพันธมิตรรุ่น 2 โดยประกาศว่าจะใช้วิธีแบบพฤษภาทมิฬ2535 นั่นคือชัยชนะที่ปูลาดด้วยเลือดเนื้อชีวิตผู้บริสุทธิ์

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
28 สิงหาคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น: