16 กันยายน 2551

เวทีสนามหลวง มวลชนต้านพันธมิตรเพื่ออภิชนาธิปไตยด่านสุดท้าย



















ผมอยากเรียกร้องในฐานะ เสรีชนคนหนึ่ง หลังๆมา ผมมักนิยมการเข้าร่วมกลุ่มชุมนุมในฐานะเสรีชนครับ ผมเรียกร้องให้เพื่อนๆ ในเว็บบอร์ด ปัญญาชน ชนชั้นกลาง ที่มีสถานภาพสังคม มีศักยภาพในด้านเศรษฐกิจและเวลา เข้าร่วมกับฝ่ายที่ยืนยัน "หลักการ" ประชาธิปไตย

1.ผมไปถึงสนามหลวงประมาณ 5 โมงเย็น มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่พอๆ กับเวทีนปก.เดิม บริเวณสนามหลวงด้านตีนสะพานปิ่นเกล้า หันหน้าเข้าหาวัดพระแก้ว และเมรุ 300 ล้าน

5 โมงเย็น แดดยังร้อน แต่มีผู้คนมานั่งจับจองที่หน้าเวทีกันพอสมควรแล้ว ส่วนใหญ่จะเตรียมร่มบังแดดและเสื่อมาด้วย ส่วนผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง จะจับกลุ่มกันอยู่บริเวณด้านข้างเวทีทั้งสองด้าน เพราะมีร่มเงามากกว่า ร้านค้าขายของตั้งเรียงอยู่บริเวณถนนทางเดินตัดผ่านสนามหลวงด้านธรรมศาสตร์ พื้นที่สำหรับการชุมนุม เป็นพื้นที่สนามด้านธรรมศาสตร์ กินอาณาเขตประมาณ 1 ใน 4 ของสนามหลวงทั้งหมด (ขณะนี้พื้นที่ครึ่งหนึ่งของสนามหลวงตั้งเมรุอยู่ เมื่อแบ่งพื้นที่ชุมนุมโดยทางเดินตัดผ่านสนามหลวงที่มีร้านรวงตั้งขายของ ด้านหลังจะเป็นพื้นที่จอดรถของผู้มาร่วมชุมนุม รวมทั้งรถสุขาของกรุงเทพมหานครฯ)

ช่วงเย็น เวทียังไม่เรียบร้อยดีนัก ป้ายผ้าใบฉากหลังเวทียังไม่ได้เอาขึ้น ยังเป็นโครงเหล็กล้วนๆ ช่างเวทีกำลังจัดการกันอยู่ ได้ยินว่าเริ่มตั้งเวทีตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว บนเวทีให้ผู้ดำเนินรายการจำเป็นขึ้นพูดกับผู้ชุมนุมที่เริ่มทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ ด้านหลังเวทีมีเต็นท์สำหรับกลุ่มทีมงานที่มาร่วมกันขับเคลื่อนในวันนี้ ด้านขวาเวที

กลุ่มผู้มาชุมนุมกว่า 80% ผมเข้าใจว่ามาโดยตั้งใจมากๆ โดยสังเกตจากการใส่เสื้อ "สีแดง" หรือ "ดำ" มาอย่างค่อนข้างพร้อมเพรียง แต่เป็นแดงแบบของใครของมัน ทั้งนี้สังเกตจากการพูดคุยทั่วไป และกับพ่อค้าแม่ค้าบริเวณนั้น ส่วนใหญ่บ่นถึงความอึดอัดของสถานการณ์การเมือง ที่พันธมิตรก่อความวุ่นวายขึ้น

ขณะที่ผู้คนยังคงเดินทางมาเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เบื้องต้นพวกเขาอาจจะยืนอยู่รอบๆ ด้านข้างและด้านหลัง ต่อมาก็จะซื้อหาผ้าพลาสติกมาปูรองนั่ง ผู้คนเหล่านี้ มีความแตกต่างมากจากการชุมนุมก่อนนี้ กล่าวคือ มีลักษณะของ "ชนชั้นกลาง" ในกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้น ต่างคนต่างมา เป็นคนหนุ่มสาว วัยกลางคนเพิ่มขึ้นด้วย

ผมตั้งข้อสังเกตเอาเองว่า การที่อัตลักษณ์ของผู้คนดูเหมือนจะมีปริมาณชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น มีสาเหตุจากผู้คนเหล่านี้ อึดอัดจากปัญหาพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาไม่มีช่องทางระบายออก พวกเขาจึงออกมาในวันแรกของการชุมนุมอย่างเข้มข้น แต่อย่างไรก็ตามคนชั้นล่าง ชาวบ้านสามัญยังคงมีจำนวนมากเช่นเดิม

เมื่อเปรียบเทียบมวลชนของสนามหลวงกับพันธมิตร พันธมิตรจะเป็นพวกคนแก่ไฮโซมีฐานะมากกว่า พวกนี้มีเวลาอยู่กับบ้านร้านค้าดูเอเอสทีวี มีลูกจ้างสามารถทิ้งงานเป็นเวลานาน เพื่อร่วมชุมนุมได้ แต่คนชั้นกลางในสนามหลวง มีลักษณะเป็นคนชั้นกลางระดับล่างเยอะกว่ามาก คนเหล่านี้แม้จะเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวร้านค้าต่างๆ แต่ก็เป็นธุรกิจขนาดย่อม ที่ไม่สามารถทิ้งงานได้เป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาจึงมาร่วมชุมนุมได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น แม้ว่าจะมีจำนวนมากที่เป็นฐานสนับสนุนอยู่ก็ตาม

คนรุ่นหนุ่มสาววัยรุ่น ก็มีให้เห็นมากกว่าที่ผมเคยเห็นในสนามหลวงช่วงก่อนๆนี้ แต่ยังมีปริมาณน้อยกว่าคนกลุ่มอื่น สาวๆ หน้าตาแฉล้มแบบที่เจอกันต้องเหลียวหลัง ก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่น้อย ใช้เวลานานหน่อยก็จะหาเจอ (อิอิ) ดังนั้นหากกลุ่มปัญญาชนนักศึกษา ซึ่งอาจจะมีเวลานอกการเรียน และมีอัตลักษณ์ชนชั้นกลาง ที่จะเชื่อมต่อกับชนชั้นกลางในเมืองอื่นๆ เข้ามาร่วมเพิ่มปริมาณขึ้นในมวลชนเหล่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์มาก เพื่อปรับเปรียนอัตลักษณ์ของกลุ่มมวลชน ร่วมหารค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ซึ่งย่อมมีกลุ่มคนหลากหลาย และได้ทางการเมืองภาพลักษณ์ต่อสังคมเพิ่มขึ้น ...เรื่องนี้ซีเรียส หากตัดสินใจจะต้านพันธมิตรรัฐประหาร ผมว่าก็ควรตัดสินใจ กล้าแปดเปื้อนบ้างได้แล้ว!


2.ก่อน 6 โมงเย็น ทางเวทีให้คุณวิภู แถลง 1 ในแกนนำนปก.เก่าที่เข้าคุกพร้อมกันทั้ง 9 คน เป็นผู้ดำเนินเวที คุณวิภูเป็นนักปราศรัยที่มีมุขตลกขบขัน ผสมกับแนวคิดทางการเมืองที่สร้างบรรยากาศ "ประชาธิปไตย" ได้มากทีเดียว เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ข่าวลือในช่วงกลางวัน (ซึ่งผมก็ได้ยินจากวิทยุ) ว่าม็อบนปก. เคลื่อนไปที่บ้านพระอาทิตย์ ... เรื่องนี้ ไม่เป็นความจริง คุณวิภูบอกว่าขนาดเรายังไม่ทำอะไร มันก็กล่าวหากันแล้ว เรื่องนี้มีการตกลงในเวทีสนามหลวงกันชัดเจนถึงสถานการณ์ว่า พวกพันธมิตรกำลังต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น ดังนั้นการเคลื่อนไหวของมวลชนสนามหลวง จะไม่ใช้ความรุนแรงแน่นอน และขอให้ผู้ร่วมชุมนุมระวังหากมีการยั่วยุจากอีกฝ่าย (บรรยากาศการป้องกัน การสร้างสถานการณ์จากอีกฝ่าย ดีพอควรครับ มีการตกลงกันชัดเจน)

เมื่อถึงเวลาเคารพธงชาติ คุณวิภูเชิญผู้ร่วมชุมนุมยืนตรงร้องเพลงชาติพร้อมกัน ไม่มีเครื่องขยายเสียงหรือแบ็กกิ้งแทร็คครับ ร้องกันสดๆ ได้บรรยากาศมากครับ เป็นบรรยากาศของมวลชน ที่มาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยแท้จริง เสียงร้องเพลงชาติประสานกันดังพอประมาณ เยียบเย็นแต่สะท้านไปทั่วบริเวณ เรียบร้อย สงบ มั่นคง

ผู้ที่มาร่วมกันเพิ่มขึ้น จนทำให้บริเวณพื้นที่ด้านหน้าเวทีไปจนด้านหลังที่ติดกับร้านค้า และทางเดินผ่านสนามหลวงค่อนข้างเต็ม ตอนแรกนั่งกันแบบมีช่องว่าง แต่พอยิ่งดึกขึ้นพื้นที่นั่ง จะชิดแน่นกันจนเดินค่อนข้างลำบาก งานนี้ รัตนพล ส.อรพิน ก็มาขายบะหมี่อีกเช่นเคย

ผมคิดว่าส่วนที่ขาดไปของเวทีสนามหลวง คือ "สื่อ" ผมไม่เห็นสื่อมาถ่ายทอดเลย อาจจะมีอยู่บริเวณอื่นหรือเปล่าผมไม่ทราบได้ (ผมเดินสำรวจทั่วๆไม่เห็น) แต่คิดว่าอย่างน้อยก็คงมีนักข่าวจากเอ็นบีที นำเสนอภาพอยู่บ้าง แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่า พื้นที่สื่อของมวลชนสนามหลวงยังมีค่อนข้างน้อยมาก แสงไฟสปอต์ไลต์ มีเฉพาะบนเวทีสนามหลวง มวลชนสนามหลวงตอนดึกจะค่อนข้างนั่งกันในที่มืด เมื่อเทียบกับม็อบพันธมิตรแล้ว ฝ่ายพันธมิตรเป็นม็อบไฮโซ อุปกรณ์พร้อมกว่าเยอะครับ เรื่องนี้มีผลต่อการรับรู้และการสร้างบรรยากาศของการอยากเข้าร่วมชุมนุมอยู่เช่นกัน

ระบบป้องกันจากการ์ด มีเพียงบริเวณด้านหลังเวที ซึ่งป้องกันการแทรกซึมจากภายนอก มีการจัดเตรียมการ์ดกันอยู่ หลังเวทีมีแกนนำหลายกลุ่มและผู้ที่จะขึ้นปราศรัยบนเวทีรอต่อคิวกันอยู่

ผู้ปราศรัย จากวิภู แถลงที่ดำเนินรายการ ก็สับเปลี่ยนกันหลายคน หลายคนจัดรายการวิทยุแท็กซี่ กับคลื่นแนวร่วมอื่นๆ ผมไม่ค่อยรู้จักจำชื่อไม่ได้ แต่เห็นว่า ทั้งหมดเป็นผู้ปราศรัยที่ค่อนข้าง "โอเค" มากๆ สำหรับผม กล่าวคือ ไม่หลุดจากคอนเซ็ปต์ เรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านระบอบเผด็จการอำมาตย์เลย ...หลายคน นำอารมณ์ของผู้ชุมนุมได้ดีพร้อมมีมุขตลกขำๆ มาเล่น การยืนยันจากบนเวที ถึงการชุมนุมเพื่อแสดงพลังของมวลชนต่อสังคมภายนอก ว่ามีมวลชนจำนวนมากยังสนับสนุนรัฐบาลจากการเลือกตั้งอยู่ ทั้งนี้มีการแจ้งว่ามวลชนจากต่างจังหวัดจะเข้ามาสมทบในวันต่อๆ ไป เพราะการรวมกลุ่มวันนี้ ค่อนข้างกระทันหัน และด้วยการสไตท์ของสหภาพแรงงานรถไฟ ซึ่งเป้าหมายแท้จริงก็คือ การตัดมวลชนที่เข้ามาสนับสนุนรัฐบาลจากภาคอีสานนั่นเอง

คนที่ขึ้นเวทีปราศรับที่ผมรู้จัก ก็มีนปก.เก่า อย่าง อ.เมธาพันธุ์ , อ.จรัล ดิษฯ , คุณวีระ มุสิกพงษ์, ชูพงษ์ ถี่ถ้วน , ชินวัฒน์ (เหมือนจะขึ้นนะแต่ไม่แน่ใจ) , สก.เขตบางกะปี (ไม่แน่ใจเขต แต่เป็นนักจัดการการ), คุณสมยศ 24 มิ.ย. ฯลฯ รวมทั้งกวี ไม้หนึ่ง ก. กุนที จากมติชนด้วย ผมเพิ่งชมสดก็วันนี้เอง กลุ่มแนวร่วมด้านวัฒนธรรมของเวที นปก. ยังคงมีน้อยและเป็นจุดอ่อนของการเคลื่อนไหว ที่จะดึงมวลชนชั้นกลางเข้าร่วม หากมีแนวร่วมด้านวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น ผมคิดว่าจะเป็นการสร้างพลังได้มากกว่านี้ ใครมีความสามารถด้านนี้น่าจะไปเสนอตัวช่วยหน่อย

รอบๆ เวที มีร้านค้าขายของ จำพวกหนังสือแฉ จำลอง ศรีเมือง , แฉการลอบสังหารทักษิณ, ซีดีทักษิณและการเคลื่อนไหวของนปก. , รวมทั้งโต๊ะขายสติกเกอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตร" ของกลุ่มบก.ลายจุดด้วย (บ.ก.ก็อยู่ด้วยเช่นกัน) , สำหรับนักวิชาการนอกจากที่กล่าวไปแล้วบนเวที ด้านล่างวันนี้ ที่ผมรู้จักและเห็นก็มีอยู่บ้างแต่ไม่เอ่ยนามดีกว่า เพราะ อาจารย์เขาอาจจะต้องการเป็นผู้สังเกตการณ์มากกว่า แต่อยากให้ทุกคนรู้ว่า ผู้ออกมาต่อต้านเผด็จการประชาชน+ทุนศักดินา ก็มีหลากหลายครับ

ผมคุยกับพี่คนขับแท็กซี่คนหนึ่ง แกบอกว่าถึงรัฐบาลจะยุบสภา แล้วถามว่า พันธมิตรจะเลิกไหม? แกบ่นอย่างอึดอัดว่า "เราก็ไม่ได้เลือกรัฐบาลมาคนเดียวเสียเมื่อไหร่ คนเขาเลือกกันมาทั้งประเทศ" คนขายลูกชิ้นบ่นว่าเรื่องแก๊สน้ำตาว่า "ทำไมตอนที่ตำรวจใช้หน้าบ้านเปรม ไม่เห็นมีใครพูดอะไรเลย" ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าบ้านเมืองนี้ มันก็พิกลพิกาลอย่างนี้ เพราะไอ้ชนชั้นนำโบราณระยำกลุ่มหนึ่ง

ในช่วง 3 ทุ่ม เป็นเวลาก่อนคุณวีระ จะขึ้นพูด ผมคิดว่าเป็นช่วงพีคสุดแล้ว สำหรับการนับจำนวนผู้ร่วมชุมนุม ผมประเมินคร่าวๆไปแล้วในอีกกระทู้ว่า ไม่น่าจะเกิน 5 พันคน ถ้าให้ระบุชัด ผมก็จะบอกว่า 4 พันคน บวก/ลบ 500 ครับ (ได้ยินเช้านี้ว่า มีสื่อเสนอว่าประมาณ 8 พันคน และผู้ร่วมชุมนุมพูดในรายการวิทยุชุมชนเป็นหลักหมื่น..อันนี้ก็แล้วแต่สายตาครับ แต่ผมว่าเวอร์ไป)

สุดท้ายนะครับ ผมอยากเรียกร้องในฐานะ เสรีชนคนหนึ่ง หลังๆมา ผมมักนิยมการเข้าร่วมกลุ่มชุมนุมในฐานะเสรีชนครับ ผมเรียกร้องให้เพื่อนๆ ในเว็บบอร์ด ปัญญาชน ชนชั้นกลาง ที่มีสถานภาพสังคม มีศักยภาพในด้านเศรษฐกิจและเวลา เข้าร่วมกับฝ่ายที่ยืนยัน "หลักการ" ประชาธิปไตยนี้ ไม่ว่าคุณจะเห็นพวกเขา มองเขาในสายตาต่ำต้อย ลดทอนความเป็นมนุษย์ของพวกเขา จากการมองว่าพวกเขาเป็นเพียง กลุ่มคนรักทักษิณ, คนโง่ , ได้รับผลประโยชน์เฉพาะหน้า ฯลฯ แต่สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็น "เป้าหมาย" ที่ถูกต้องและดีงาม ต่อกระบวนการประชาธิปไตย ไม่ได้ดัดจริตถอยหลังเข้าคลองแบบชนชั้นกลางจำนวนมากในม็อบพันธมิตร และบรรดานักวิชาการดัดจริตโหนกระแสต่างๆ

พวกเขาต้องการกำลังเสริมจากปัญญาชน เปลี่ยนเคมีของกลุ่มให้มีภาพลักษณ์ในทางคุณภาพของแนวร่วมยิ่งขึ้น พวกคุณอาจช่วยในด้านต่างๆ แก่พวกเขาได้ โดยไม่ต้องขึ้นเวทีก็ตาม เพียงแค่เข้าไปร่วมชุมนุม ให้อัตลักษณ์ของมวลชนมีความหลากหลายของตัวตน สามารถเชื่อมต่อสื่อสารต่อสังคมชนชั้นกลางได้มากขึ้น หรือการผลิตสื่อใบปลิว บทกวี บทความ แจกในท้องสนามหลวง เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ผู้คนเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นคุณปการที่พวกเราทำได้ใช่ไหมครับ?

บางครั้ง เราอาจต้องกล้าที่จะแปดเปื้อน ...เพื่อดำรงไว้ในสิ่งที่เราเชื่อว่าถูกต้องดีงาม ผมเชื่ออย่างนั้น


โดย คุณHomo erectus
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
1 กันยายน 2551

ไม่มีความคิดเห็น: