15 กันยายน 2551

การต่อสู้แห่งยุคสมัย จะลงเอย จุดจบเช่นไร ?




ทักษิโณมิกส์ เป็นคำบัญญัติโดยนางกลอเรีย อาร์โรโย่ ประธานาธิบดีแห่งฟิลิปปินส์ ด้วยความยกย่องแนวทางการบริหารและพัฒนาประเทศ จากแนวคิดก้าวหน้าของนายกรัฐมนตรีของไทย ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่พลิกฟื้นประเทศจากวิกฤติ สู่ศักยภาพแข็งแกร่ง พร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมีอนาคตสดใส จนผู้นำของประเทศไทย ได้รับการยอมรับบนเวทีโลกในความสำเร็จของแนวทางการพัฒนาคำศัพท์บัญญัติ ทักษิโณมิกส์ อันแฝงเกียรติ เชิดชู ถูกแทนด้วยคำแปลว่า ระบอบทักษิณ

กลับถูกแฝงเจตนา บิดเบือน ดูหมิ่น เหยียดหยาม ให้เกิดภาพด้านลบเพื่อการดิสเครดิต การกระทำนี้ เป็นเพียงจุดเล็กๆ ของเค้าลางวิถีที่จะกระทำขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อไป เป็นวิถีของกลุ่มคนที่คุ้นเคยเชี่ยวชาญ และใช้ได้ผลมาแล้วอย่างยาวนาน ซึ่งมีที่มาของรากเหง้า จากความอิจฉาริษยา และเห็นแก่ตัว ในอภิสิทธิ์และศักดินาส่วนตนเหนือผู้อื่น ของคนกลุ่มหนึ่ง

กลุ่มคนพวกนี้ เดิมอยู่ในแวดวงพวกลุ่มหลงตน ถือยศศักดิ์เหนือผู้อื่น ที่ซ่อนความไม่พอใจไว้ แผ่ขยายขบวนการร่วมมือกันออกไป ในหมู่ผู้คงความเห็นแก่ตัวร่วมกันในอภิสิทธิ์ส่วนตนด้านต่างๆ เริ่มออกตัวปรากฏในที่แจ้งโดยสื่อ อันเป็นฐานันดรที่ตระหนักตน แน่แก่ใจตนเองชัดเจนแล้วว่า พวกตนนั้นมีอิทธิพลต่อสังคม ทั้งอย่างอนันต์และอย่างมหันต์เพียงใด

โดยสื่ออันบันดาลโทสะ ลุแก่โทสะ ที่ไม่ได้รับการสนองผลประโยชน์อย่างที่ต้องการ ในความต้องการแผ่ขยายเครือข่ายธุรกิจ ไปสู่การก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ของตน อันได้แก่สื่อในเครือ MGR ร่วมกับสื่ออันบันดาลโทสะ เคียดแค้น ที่พลาดหวังการครอบครองกลับคืน ในสถานีโทรทัศน์ที่ตนก่อตั้งขึ้น แล้วไม่สามารถรักษาไว้ได้จากเงื่อนไขอันเข้มงวด ที่ตนเองเป็นผู้เสนอเพื่อก่อตั้งสถานี แต่ยังหวังที่จะได้กลับคืน ในเงื่อนไขที่เป็นผลได้แก่ตนมากกว่าที่เคยเป็น อันได้แก่สื่อในเครือ NT

เมื่อสองสื่อ ถือเอานายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นศัตรู ด้วยข้อหาไม่สนอง และขัดความต้องการของตน จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ผู้บริโภคสื่อนี้ จะถูกดำเนินการล้างสมอง เพื่อสร้างกระแสเกลียดชังต่อผู้ถูกยึดถือเป็นปรปักษ์

สิ่งที่ปรากฏ เป็นบทพิสูจน์อย่างดีว่า ความรู้ไม่ได้ทำให้มีความฉลียว หากบริโภคแต่เพียงสื่อสองค่ายนี้ ไม่ว่าจะมีความรู้ระดับไหน ต่างถูกปลุกปั่นล้างสมอง ด้วยการใส่ความข้างเดียวอย่างต่อเนื่อง ในแง่มุมต่างๆ นานา ไปจนแทบหมดสิ้น

เมื่อมีตัวการออกหน้า ปฏิบัติการรุมหมู่ก็เริ่มขึ้น...

กลุ่มอำมาตยาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มศักดินาธิปไตย โดยที่ทั้งอำมาตยาธิปไตย และศักดินาธิปไตย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพวก อภิสิทธิ์ชนธิปไตย

คือกลุ่มคนผู้ต้องการระบอบ อภิสิทธิ์ชน-ศักดินา-อำมาตยาธิปไตย

คือระบอบการปกครองที่เป็นของอภิสิทธิ์ชน โดยอภิสิทธิ์ชน เพื่ออภิสิทธิ์ชน เฉพาะกลุ่มของตน อันต้องไม่มีการพัฒนาใดๆ ไปสู่ความเป็นของราษฎร โดยราษฎร เพื่อราษฎร คนส่วนใหญ่ เป็นอันขาด

ต่างก็เข้ารวมหัวกัน เป็นตัวการเบื้องหน้า ผู้สนับสนุน ตัวการเบื้องหลัง และไอ้โม่งในมุมมืด ร่วมมือกันโค่นล้มนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งการยึดกุม ควบคุมอำนาจทางการเมือง คงอภิสิทธิ์ กดขี่ เหนือประชาชนธรรมดาปกติทั่วไป และการเกาะสูบเอาผลประโยชน์ต่างๆ แก่ตนไว้ อย่างที่เคยได้เคยเป็นมาอย่างยาวนาน

คือกลุ่มคนเหล่านี้…

- สื่อกรรโชกผลประโยชน์ เรียกหาสินบนตอบแทน การที่สื่อจะเขียนให้การสนับสนุน หรือการที่จะไม่เขียนโจมตี
- ทหาร ที่แสวงผลประโยชน์จากรัฐวิสาหกิจ และผลประโยชน์ต่างๆ ของรัฐ
- ผู้หวังตำแหน่ง และผลประโยชน์ทางการเมือง จากการโค่นล้มแย่งชิงอำนาจ
- นักธุรกิจ ที่สนับสนุนอำนาจการเมืองขั้วตรงข้าม
- ข้าราชการ ที่ยึดติด เคยชิน และยังต้องการต่อไป สำหรับการวางตัวเหนือศีรษะประชาชน และการคอรัปชั่น
- พนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่หวั่นเกรงการพัฒนาอย่างโง่เขลา และเห็นแก่ตัว
- นักเล่นการเมือง เพื่อตบทรัพย์นักธุรกิจ ต้องการพลิกขั้วแย่งชิงอำนาจ
- นักการเมืองไดโนเสาร์ พันธุ์ต่อรองผลประโยชน์ที่ถูกจำกัด ลิดรอนบทบาท และอิทธิพล
- นักวิชาการ ที่มีความเกี่ยวพันกับการเมือง หรือมีความสัมพันธ์กับนักการเมือง
- พวกครอบครองมรดกที่ดิน ศักดินา ไม่สร้างสรรค์การงาน รอผู้อื่นสร้างความเจริญเข้ามาให้ (พวกครอบครองมรดกที่ดินศักดินานี้ หวั่นเกรงแนวคิดเก็บภาษีที่ดินจากผู้ที่มีที่ดินจำนวนมหาศาลในครอบครอง)
- ผู้ค้ายาเสพติด
- เจ้ามือหวยเถื่อน
- เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ
- มาเฟียอิทธิพล
- กลุ่มคนอิจฉาริษยา
- ผู้มีความรู้ แต่ไม่มีความเฉลียว บริโภคแต่สื่อข้างเดียว จนถูกล้างสมอง

วิถีที่เคยใช้ในอดีตถูกนำกลับมาใช้อีก
- การใส่ร้ายป้ายสี
- การเลือกความจริงเฉพาะบางด้านมาใช้ ในแง่มุมให้กลายเป็นความจริงอันบิดเบือนจากความจริงทั้งหมด
- การเลือกใช้ข้อเท็จจริงเฉพาะบางส่วนมาใช้ ให้กลายเป็นความจริงที่ขาดแหว่ง ผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงอันครบถ้วน
- สิ่งดีๆ ถูกบอกว่าเป็นสิ่งเลว สิ่งเลว ถูกบอกว่าเป็นสิ่งดี
- สิ่งที่ถูกต้อง ถูกบอกว่าเป็นสิ่งผิด สิ่งผิด ถูกบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
- สิ่งที่สมควร ถูกบอกว่าไม่สมควร สิ่งที่ไม่สมควร ถูกบอกว่าสมควร

ตัวอย่างที่ชัดเจนอันหนึ่ง คือการออกหนังสือของเจ้าลัทธิมองต่างมุม ผู้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเก่าแก่(ซึ่งนิยมการใช้วิธีเชิดหุ่นให้เป็นหัวหน้าพรรคบังหน้านักการเมืองฉ้อฉล และเปรียบเทียบพรรคตนเอง เหมือนแมลงสาบ)ที่เข้าใจในความต่างของการมองคนละด้าน ในความต่างของความจริงทั้งหมดกับความจริงบางด้าน และกับความจริงบางส่วน เอามาใช้บิดเบือนใส่ความเพื่อการโค่นล้มทางการเมือง

ASTV ใช้วิธีเลี่ยงกฎระเบียบ ในการแพร่ภาพสัญญาณ ถูกบอกว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่การออกหวยบนดิน โดยใช้ระเบียบเฉพาะ ถูกบอกว่าเป็นสิ่งที่ผิด

การโอนหุ้นของทักษิณ ชินวัตร ให้แก่ผู้อื่น ด้วยเจตนาเพื่อปฏิบัติตามกติกาการเมือง ที่ห้ามการถือครองหุ้น ถูกบอกว่าซุกหุ้น แต่การถือหุ้นของ สส.พรรคการเมืองเก่าแก่นิยมเชิดหุ่น ให้เป็นหัวหน้าพรรค และของ สว. สรรหา จัดสรรพรรคพวกกันเองมา ถูกบอกว่าเป็นเรื่องปกติสามัญ

การขายหุ้นของกลุ่มชินฯ ในราคาสูง แก่ต่างชาติ ด้วยเจตนาเพื่อพยายามให้ครอบครัวของตน ปลอดจากธุรกิจให้มากที่สุดของทักษิณ ชินวัตร และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกโจมตีจากกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้ม ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกบอกว่าเป็นการขายสมบัติชาติ แต่การขายทรัพย์สิน ยุค ปรส.โดยพรรคการเมืองเก่าแก่ ผู้เปรียบเทียบพรรคตนเองเหมือนแมลงสาบ ในราคาแสนต่ำ แก่ต่างชาติ ทั้งห้ามและกีดกันคนไทยซื้อ ถูกบอกว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาของชาติ และถูกบอกว่ าเป็นการป้องกันคนไทยไม่ให้เสียนิสัยจากการทำธุรกิจขาดทุนแล้วซื้อคืนได้ในราคาถูก (ความจริงแล้ว คนไทยไม่ได้ทำขาดทุนเอง แต่ถูกทำให้ขาดทุน โดยพรรคการเมืองเก่าแก่ผู้เปรียบเทียบพรรคตนเองเหมือนแมลงสาบ วางนโยบายผิดพลาด เปิดช่องทางให้ต่างชาติ แล้วพรรคทานตะวันมาทำให้เกิดจุดอ่อนง่ายต่อการโจมตีของต่างชาติยิ่งขึ้น)

การขายสัมปทานสิทธิในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และสัมปทานสิทธิในดาวเทียม ไม่ใช่การขายสมบัติชาติ เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ เหมือนให้เช่าตึก เมื่อหมดเวลา ก็จะต้องกลับคืนมาเป็นของรัฐ ส่วนการขายทรัพย์สิน ยุค ปรส.จึงจะเป็นการขายสมบัติชาติของจริง

การขายหุ้นของกลุ่มชินฯ ซึ่งตามกฏหมายไม่ต้องเสียภาษี ถูกบอกว่าโกงภาษี แต่การจ่ายภาษีส่วนบุคคลของทักษิณ ชินวัตร กว่าสามพันล้านบาท และการจ่ายภาษีจากการทำธุรกิจของกลุ่มชินฯ เกือบแสนล้านบาท ไม่เคยมีการกล่าวถึง แต่การขายหุ้นของกลุ่มสื่อในเครือ MGR และของกลุ่มสื่อในเครือ NT ที่ไม่เคยจ่ายภาษีในทำนองเดียวกัน ไม่เคยมีการกล่าวถึง

การซื้อที่ดินที่ถนนรัชดาภิเษกอย่างเปิดเผย ในราคาสูงกว่าผู้อื่น (772 ล้านบาท)สูงกว่ากลุ่มโนเบิล (750ล้านบาท)สูงกว่าเครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (730 ล้านบาท) สูงกว่าต้นทุนของกองทุนฟื้นฟูฯ (107 ล้านบาท)จากเดิมที่ขายไม่ออก ไม่มีใครซื้อ ถูกบอกว่า เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ทั้งๆ ที่กองทุนฟื้นฟูฯ อยู่ใต้กำกับธนาคารแห่งประเทศไทย นอกเหนืออำนาจใดๆ ของนายกรัฐมนตรี แต่การแอบแจกที่ดิน สปก.โดยพรรคการเมืองเก่าแก่ ให้แก่ผู้มีฐานะมั่งคั่งระดับเศรษฐี ถูกบอกว่า เป็นการแจกให้ฟรี ตามสิทธิอันสมควร

การโอนหุ้นของน้องสาวให้แก่พี่ชาย โดยเลือกวิธีการโอนผ่านตลาดหุ้น ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในหลายวิธี ที่สามารถใช้ในการโอนหุ้นได้ โดยที่วิธีการโอนผ่านตลาดหุ้น เป็นวิธีที่เสียภาษีน้อยกว่าวิธีอื่นๆ น้องสาวผู้โอนหุ้นให้พี่ชาย โดยเลือกใช้วิธีโอนผ่านตลาดหุ้น ถูกบอกว่าเลี่ยงภาษี และต้องรับโทษอย่างหนักโดยการจำคุก เพราะเป็นภรรยานายกรัฐมนตรีด้วย แต่การโอนหุ้นของบุคคลทั่วไป ซึ่งรวมถึงกลุ่มเครือญาติมิตรสื่อกรรโชกผลประโยชน์ เครือญาติมิตรของสมาชิกพรรคการเมืองเก่าแก่แห่งนั้น และอาจมีภรรยานายกรัฐมนตรีท่านอื่น ที่ไม่ใช่ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งอาจจะมีเครือญาติมิตรผู้พิจารณาและดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้ สามารถโอนหุ้นผ่านตลาดหุ้นได้ โดยไม่เคยมีกรณีผู้ใดรับโทษจำคุกมาก่อน

ปราบปรามขบวนการค้ายาบ้าอย่างหนัก จนพวกคลั่งยาบ้า จับเด็กหรือจับผู้หญิงเป็นตัวประกัน ที่เคยมีให้เห็นเป็นรายวัน สูญไปหมดสิ้น แต่กลับถูกสื่อตัวการ รวมกับพวกค้ายาบ้า ใส่ความว่า ทำร้ายผู้บริสุทธิ์

ทักษิณ ชินวัตร ถูกลอบสังหารด้วยการวางระเบิดคาร์บอมบ์ แต่สื่อตัวปัญหา กลับพากันบิดเบือนว่า เป็นคาร์บ๊อง ช่วยกลบเกลื่อนให้อาชญากรทมิฬอันชั่วร้าย หวังว่ากรรมของการกระทำนี้ จะได้ตามสนองแก่ผู้กระทำในอนาคตอันใกล้

คนสติวิปลาสทุบทำลายองค์พระพรหม สื่อตัวปัญหา เอามาใช้ใส่ความว่า ทักษิณให้หมอผีเขมรทำพิธีไสยศาสตร์

ถูกกล่าวหาว่า แทรกแซงองค์กรอิสระ แต่ผู้กล่าวหา กลับสนับสนุนทุกวิถีทาง ในการเอาพรรคพวกตนเองและที่เป็นปรปักษ์ต่อทักษิณ ชินวัตร เข้าไปทำหน้าที่องค์กรอิสระ

ศาลผู้พิจาณาตัดสินคดี เป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม สมควรแก่การเคารพในคำตัดสินพิพากษา แต่ผู้ที่ถูกจัดสรรมา โดยการเอาพรรคพวกที่ทำตนเป็นปรปักษ์เป็นศัตรูกับทักษิณ มาดำเนินกระบวนการตัดสิน เอาผิดกับทักษิณถูกบอกว่า สมควรแก่การเคารพในคำตัดสินพิพากษาเช่นกัน(ความจริงคือ ต่างกระบวนการ ต่างคณะ ต่างบุคคล ซึ่งต่างกันกับผู้ตัดสิน และกระบวนการตัดสินอย่างยุติธรรม)

ถูกกล่าวหาว่าซื้อเสียง ถูกให้ใบแดงตลอด แต่อีกฝ่าย ได้แต่ใบเหลืองตลอด

ถูกกล่าวหาว่าทุจริตเลือกตั้ง โดยหลักฐานและพยานน่าเคลือบแคลง ถูกบอกว่า “เชื่อได้ว่ากระทำผิดจริง” แต่อีกฝ่าย ปรากฏหลักฐานและพยานชัดแจ้ง ถูกบอกว่า “เชื่อได้ว่าไม่ได้กระทำผิด”

ถูกยุบพรรค อย่างไม่เลิกรา หาทางจะยุบอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างชวนพิศวง แต่อีกฝ่ายคือพรรคเก่าแก่นั้น ลอยนวลอย่างน่าสนเท่ห์

ดำเนินนโยบายหวยบนดิน แก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาได้อย่างแยบยล แก้ปัญหาหวยใต้ดินอย่างได้ผล จนหวยใต้ดินแทบจะสาบสูญ แก้ปัญหาอิทธิพลมาเฟี ยและอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับหวยใต้ดินได้อย่างลุล่วงก่อรายได้นำไปใช้อุดหนุนการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส อันจะงอกเงยผลแก่ประเทศอย่างไม่รู้จบ ก่อรายได้นำไปใช้แก่สาธารณะประโยชน์ ป้องกันผู้ไม่รักดี ลุ่มหลงการพนัน ให้มีทางระบายออกอย่างยากที่จะหายนะเช่นการพนันอื่น ให้คนจนได้มีทางผ่อนคลายความทุกข์จากความหวังแม้จะลมๆ แล้งๆ แต่ก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่ไม่สามารถแสวงหาความสุขใส่ตนได้อย่างผู้มีอันจะกิน แต่ผู้ดำเนินนโยบาย กำลังจะถูกดำเนินคดี หาทางเอาโทษอย่างหนัก

จัดรายการชิมไปบ่นไป จะเอาโทษถึงปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

อย่าได้หลงไปกับเล่ห์เหลี่ยม การพิจารณาตัดสินแบบไม่พิจารณาภาพรวมอันครบถ้วน ไม่พิจารณาความจริงอันครบถ้วน เลือกเอาเฉพาะความจริงบางด้าน ความจริงบางส่วน เอาความบิดเบือนของการมองต่างด้าน ต่างแง่ ต่างมุม เอามาใช้ตัดสิน

กรรมยาตรา ถูกบอกว่าเป็นธรรมยาตรา เคลื่อนพลออกไปก่อกรรมทำเข็ญ ปลุกปั่นก่อความแตกแยกในบ้านเมืองด้วยการบิดเบือน ล่มชาติ ถูกบอกว่าเป็นกู้ชาติ (โปรดพิจารณาความเป็นไปของชาติ ตลอดระยะเวลาของการกระทำการดู)

พันธมิตรหลอกลวงประชาชนเพื่อทำลายประชาธิปไตย ถูกบอกว่าเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เรียกร้องให้แต่งตั้งนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่พลิกแพง เล่นแง่หาทางให้มีนายกรัฐมนตรีมาจากมาตรา 7

เรียกร้อง และพยายามสร้างเงื่อนไขให้ทหารปฏิวัติ ครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ยอมรับรัฐบาลจากการเลือกตั้ง บอกว่า เสียงข้างมากของผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่ใช่ประชาธิปไตย เรียกร้องให้มี สว.จากการสรรหา จะเอา สส.จัดตั้งกันเอง 70 ส่วน ให้ประชาชนเลือกตั้งได้ 30 ส่วน

ผลประโยชน์แอบแฝง ของ พธม.สร้างอิทธิพล อำนาจต่อรอง ขู่กรรโชก เรียกผลประโยชน์ ก่อความวุ่นวายให้เกิดความสนใจ เพื่อสร้างข่าวขายในเครือสื่อของตน

ขายผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น จานเดาวเทียม แผ่นซีดี เสื้อ เป็นเงินรายได้เข้ากระเป๋าจำนวนมาก อย่างไม่น่าเชื่อ

รับเงินจากผู้มีส่วนได้เสียในการโค่นล้ม รับเงินจากการหลอกลวงให้บริจาค

หวังว่าในวันข้างหน้า จะมีผู้ค้นข้อกฎหมาย มาลงโทษสื่อที่แอบแฝงกระทำการเยี่ยงนี้ได้

ภาษีที่ใช้ในการพัฒนาประเทศ ใช้ในการจุนเจืออำนวยประโยชน์ให้ชนชั้นกลางและชนชั้นสูง ส่วนใหญ่เป็นภาษีที่ได้มาจากประชากรทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้า ที่จ่ายภาษีผ่านระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต แต่ถูกบอกว่า เอาภาษีจากชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง มาแจกพวกรากหญ้า

คำพูดที่บอกว่า คนรวยเอาเงินภาษีมาจุนเจือคนจนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะแท้ที่จริงแล้ว เงินที่นำมาพัฒนาประเทศในแต่ละปี ส่วนใหญ่แล้วมาจากน้ำพักน้ำแรงของคนจน

ที่มารายได้ของรัฐบาลมาจาก
1. กรมสรรพากร
2. กรมสรรพสามิต
3. กรมศุลการกร
4. หน่วยงานอื่นๆ

จากสถิติการจัดเก็บ ตั้งแต่ประเทศไทยมีระบบการเงินการคลังแบบสากลมาแล้วกว่า 50 ปี พบว่า การจัดเก็บภาษีแบบทางอ้อม ได้มากกว่าภาษีทางตรง

ภาษีทางตรง เช่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่วนมากคนที่มีฐานะ (คนรวย)จะรับภาระมากที่สุด เพราะมีรายได้ตามเกณฑ์จึงต้องเสีย

ส่วนภาษีทางอ้อม เช่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีสรรพสามิต คนที่มีฐานะปานกลางถึงจน 80 กว่าเปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นคนเสียภาษี

รายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ออกเดือนมกราคม 2549(แต่เป็นรายงานเศรษฐกิจ 2547 เพราะหน่วยงานต่างๆ ต้องประมวลผลเป็นปี)พบว่า ภาษีทางอ้อมมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 63.8 ของรายรับรัฐบาล ขณะที่ภาษีทางตรง ทั้งภาษีเงินได้จากนิติบุคคล และภาษีเงินได้จากบุคคลธรรมดา รวมกันเท่ากับ 34.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ดังนั้น เมื่อคิดเป็นตัวเงินอันเป็นรายได้ของรัฐบาลในปี 2547 จำนวน 1.1 ล้านล้านบาท เงินที่นำมาพัฒนาประเทศ มาจากภาษีคนจนถึง 6 แสนกว่าล้านบาท ขณะที่เงินจากภาษีคนรวย นำมาพัฒนาประเทศเพียง 3 แสนกว่าล้านเท่านั้น

เมื่อ ปี พศ.2547 เงินที่นำมาพัฒนาประเทศ มาจากภาษีคนจน 6 แสนกว่าล้านบาท เงินที่นำมาพัฒนาประเทศ มาจากภาษีคนรวย 3 แสนกว่าล้านบาท

การโกหกหลอกลวงว่า เอาภาษีของชนชั้นกลาง และชนชั้นสูง ไปแจกรากหญ้านี้ ได้ผลอย่างร้ายแรง และชั่วร้ายยิ่ง ก่อเกิดความชิงชัง รังเกียจ เคียดแค้น แตกแยกของคนในชาติอย่างรุนแรง สร้างความเกลียดชังให้เกิดในหมู่คนจำนวนมาก ต่อรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อย่างโง่เขลาและเห็นแก่ตัว

ตัวอย่างหนึ่งของผู้เป็นเหยื่อ สำคัญตนผิดอย่างมหันต์ในภาษีที่จุนเจือตน ดูได้จากบทความของนายตลกตู้ ที่เขียนส่งให้บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์มติชน เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 (ดู ลิงก์ )

หนึ่งคำก็กุลี สองคำก็จัณฑาล

นายตลกตู้ ควรดูอุทาหรณ์จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่นับวัน ความเหี่ยวเฉาเสื่อมโทรมของประชาชน มีแต่จะเแผ่ขยายแวดวงเพิ่มขึ้นออกไปอย่างกว้างขวาง แต่อภิสิทธิ์ชนงวดน้อยลง เหลือเพียงไม่กี่หยิบมือ แต่กดขี่อยู่บนคนส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดของประเทศ แต่กดขี่อยู่บนคนส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดของชาติบ้านเมือง

หากประเทศไทยเป็นเช่นนั้น สักวันหนึ่ง นายตลกตู้ หรือทายาทรุ่นหลัง ก็จะหนีไม่พ้นชะตากรรม กุลีและจัณฑาล

ภาษีที่อุดหนุนจุนเจือนายตลกตู้ให้เรียนถึงมหาวิทยาลัย เป็นภาษีที่ส่วนใหญ่มาจากชนชั้นรากหญ้า ถ้ายังสงสัย ขอให้ย้อนกลับไปอ่านข้างบนดู

การเกื้อหนุนให้ชนชั้นรากหญ้า มีกำลังประกอบอาชีพ สามารถจับจ่ายใช้สอย เป็นผลให้ชนชั้นทางเศรษฐกิจที่อยู่สูงขึ้นไป ยิ่งมีรายได้มากกว่าเป็นทบเท่าทวี เพราะว่าเงินที่จับจ่ายใช้สอยโดยจำนวนมากของประชากรระดับรากหญ้า หมุนเวียนขึ้นไปสู่จำนวนน้อยของประชากรระดับสูงกว่า

เพราะว่า รายได้ที่หมุนเวียนขึ้นไป เริ่มจาก ทำนองนี้
- ประชากรระดับรากหญ้า 8 คน
- ประชากรระดับพนักงาน 4 คน
- ประชากรระดับบริษัทห้างร้านทั่วไป 2 คน
- ประชากรระดับเจ้าของกิจการใหญ่ 1 คน

ไม่มีชีวิตใด ไม่พึ่งพาอาศัยกัน แต่ชนชั้นรากหญ้ายังจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แม้ปราศจากชนชั้นที่สูงกว่า แต่ชนชั้นที่สูงกว่า จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยไม่พึ่งพิงชนชั้นรากหญ้า

คุณตลกตู้ คุณกำลังเนรคุณผู้มีพระคุณอย่างไม่รู้สำนึกตัวอยู่หรือไม่

นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค อีกหนึ่งความเข้าใจผิดของชนชั้นมันสมอง ที่ก่ออคติต่อรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรกลุ่มคนในวิชาชีพแพทย์จำนวนไม่น้อย ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร จากความกังวลในสวัสดิภาพรายได้ของตน แท้จริงแล้ว นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค กลับจะทำให้ สถานะรายได้ของแพทย์ยกระดับยิ่งขึ้น เพราะจะเกิดการแบ่งแยกชัดเจน ระหว่างผู้ต้องพึ่งพิงการสงเคราะห์เอื้ออาทรจากสังคม ให้ยืนหยัดสู้ชีวิตได้ต่อไป ซึ่งจะได้รับแต่เพียงเท่าที่จำเป็น จะไม่เกินไปกว่านั้น แยกออกจากผู้มีกำลังทรัพย์ที่ต้องการยิ่งกว่านั้น ดีกว่า เหนือกว่า มากกว่านั้น

โขลงช้างนั้นแข็งแกร่ง เพราะต่างพึ่งพิง ปกป้องและช่วยเหลือกัน ไม่เหมือนฝูงสมัน ที่ตัวใครตัวมัน มีแต่จะถูกจับกินเป็นเหยื่อไปทีละตัว

กุศลใดที่บทความนี้จะทำให้แพทย์ทั้งหลายเข้าใจความจริงที่จะเป็นไป ขอกุศลนั้นจงมีแก่แพทย์ท่านทั้งหลายนั้น

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือการนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทมหาชน กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ยังคงเป็นเจ้าของกิจการ สามารถออกหุ้นเพิ่มทุน เพื่อเอาเงินมาลงทุนขยายกิจการ ไม่ต้องกู้เงินมาลงทุน ไม่ต้องแบกรับดอกเบี้ยเงินกู้ ไม่ต้องแบกรับภาระต้องใช้คืนเงินกู้ (ถ้ากู้เงินมาแล้วขาดทุน อาจถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์ของกิจการอีกต่างหาก) มีกำไรแล้วจะจ่ายปันผลมากน้อยเท่าไรก็ได้ แล้วแต่จะพิจารณา หากขาดทุนก็ไม่ต้องจ่ายปันผล

ทหารจะเข้ามาเกาะกิน ไม่ค่อยสะดวกเหมือนรัฐวิสาหกิจ เพราะมีสายตาผู้ถือหุ้นจับจ้องอยู่ ผู้บริหารมีแรงจูงใจสร้างผลงานให้ปรากฏแก่ผู้ถือหุ้น ทำให้ผู้บริหารพยายามสร้างกิจการให้เติบโตงอกงาม แต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กลับถูกบอกว่า เป็นการจะขายสมบัติชาติ

กลุ่มธุรกิจต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากทักษิณ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ มูลค่าธุรกิจต่างเติบโตขึ้น 2 ถึง 6 เท่า เป็นส่วนใหญ่ จากราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้น

มูลค่าธุรกิจของกลุ่มปูนซีเมนต์ไทย กลุ่ม ปตท. กลุ่ม ทีพีไอ เติบโตขึ้น 5-6 เท่า

มูลค่าธุรกิจในระดับยอดหญ้าต่างเติบโตขึ้น รวมถึงมูลค่าธุรกิจของครอบครัวชินวัตร ที่เติบโตขึ้นประมาณ 2.6 เท่า
ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาทของกลุ่มชินวัตร เป็นเรื่องปกติ และไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ แต่การหลอกลวงแต่เพียงว่า เพิ่มขึ้นหลายหมื่นล้าน น่าจะมาจากการโกงนั้น ง่ายต่อการหลอกให้เชื่อ ง่ายต่อการสร้างความอิจฉาริษยา เคียดแค้น ชิงชัง ให้เกิดขึ้นแก่ผู้ถูกยุยงปลุกปั่น

เล่ห์กระเท่ห์ของกลุ่มรวมหัวโค่นล้มทักษิณ ชินวัตร ที่ออกระเบียบค่าสินบน 25 เปอร์เซ็นต์ ของทรัพย์สินของทักษิณที่ยึดมา คือหางที่โผล่ ออกระเบียบปิดบัง ไม่เผยตัวผู้ได้รับสินบนว่าเป็นใคร สุดท้ายก็จะมีการหาทางเอาทรัพย์สินที่ยึดได้ ผ่องถ่ายแจกจ่ายกัน

ช่องทางปล้นทรัพย์นี้ จะไม่ถูกปล่อยมืออย่างแน่นอน เพียงแต่จะหาทางให้ดูแนบเนียน มัดมือชก ไม่เห็นพิรุธ จับผิดไม่ได้ อย่างไรเท่านั้น

ธรณีแห่งประชาชนทั้งหลายนี้ เป็นพยาน สักวันหนึ่ง ขอให้กรรมตามสนองผู้กระทำอย่างสาสม

การแจกจ่ายตำแหน่งทางการเมือง อาทิ ตำแหน่ง สว.สรรหา ตำแหน่งในองค์กรอิสระ กรรมการในรัฐวิสาหกิจ ที่มีค่าตอบแทนสารพัด แท้จริง คือการรุมทึ้งผลประโชน์พร้อมไปกับการกวาดล้าง ทำลายฝ่ายตรงข้าม ยังมีการกระทำปล้นผลประโยชน์อีกหลายทาง ของกลุ่มผู้รวมหัว และจะยังมีอีกต่อๆ ไป

เพียงพิจารณาเศรษฐกิจที่พลิกฟื้น ในสมัยทักษิณจากภาวะวิกฤต พิจารณาเล่ห์ร้ายของสื่อตัวการ ที่ว่าจะต่อสู้กับทักษิณ เพื่อผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ทำมารยาสาไถย ประหนึ่งว่า ทักษิณอยู่ตรงข้ามกับความจงรักผู้เป็นที่รักยิ่งของคนไทย เพื่อให้เกิดความเกลียดชังต่อทักษิณ วิญญูชนซึ่งไม่มีเหตุผลอันเป็นวาระซ่อนเร้น ย่อมสำเหนียกอะไรบางอย่างได้

การต่อสู้ระหว่างระบอบ อภิสิทธิ์ชน-ศักดินา-อำมาตยาธิปไตย กับระบอบราษฎรธิปไตย

การต่อสู้ของสองระบอบในระบอบประชาธิปไตย เพื่อพิสูจน์ความเป็นแก่นแท้อันถูกต้องเหมาะสมดีงาม มันยังไม่จบมันจะมีตอนต่อไป

อำนาจอธิปไตยควรจะเป็นของใคร

ของอภิสิทธิ์ชน โดยอภิสิทธิ์ชน เพื่ออภิสิทธิ์ชน คนส่วนน้อยของประเทศ

หรือ ของราษฎร โดยราษฎร เพื่อราษฎร คนส่วนใหญ่ของประเทศ

โดย คุณ วษณ
ที่มา เวบบอร์ด พันทิปราชดำเนิน
24 สิงหาคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น: